เงินดิจิทัล 10,000 บาท ใครได้บ้างหลังตั้งรัฐบาล เช็คเงื่อนไขได้ที่นี่...
- Napapat Itanupratana
- 25 ส.ค. 2566
- ยาว 1 นาที
หลังจากจัดตั้งรัฐบาลแล้ว "พรรคเพื่อไทย" เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ สิ่งที่ประชาชนจับตามองที่สุดคงหนีไม่พัน นโยบาย "เงินดิจิตัล 10,000 บาท" ซึ่งเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน โดยใช้หาเสียงในช่วงการเลือกตั้งปี 2566 โดยมีเป้าหมายกระจายรายได้สู่ชุมชนให้เม็ดเงินวุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ใครมีสิทธิได้บ้าง? เช็คเงื่อนได้ที่นี่เลย...
เงินดิจิทัล 10,000 บาท คืออะไร?
เงินดิจิทัล 10,000 บาท คือ กระเป๋าเงินดิจิทัลที่มีจำนวนเงิน 10,000 บาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้นำเสนอขึ้นเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่เป็นภาวะฉุกเฉิน โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนบูสต์เศรษฐกิจชาติที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโรคระบาดในประเทศ
นโยบายเงินดิจิทัลนี้ถูกเสนอเพื่อกระจายรายได้และกระตุ้นการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ โดยให้โอกาสแก่บุคคลที่มีสิทธิ์เข้ารับผลประโยชน์จากนโยบายนี้ ซึ่งทั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจในเรื่องของการเงินดิจิทัลในประชาชน
นอกจากนี้ นโยบายเงินดิจิทัลยังมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในการใช้จ่ายและลงทุนในกิจกรรมเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวในตลาดและเศรษฐกิจท้องถิ่น
เงินดิจิทัล 10,000 บาท: ลงทะเบียนหรือไม่? วิธีรับเงินอย่างไร?
การรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใดๆ ตามนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ระบบการจัดส่งเงินดิจิทัลถูกออกแบบมาใหม่เพื่อให้ง่ายและสะดวกสำหรับประชาชนที่มีสิทธิ์รับเงิน โดยเงินจะถูกส่งตรงถึงกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ตของบุคคลนั้นๆ
นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ได้ระบุว่าระบบการรับเงินดิจิทัลจะผูกกับบัตรประชาชน ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีสมาร์ทโฟนหรือแอปพลิเคชันเพื่อรับเงิน หากคุณมีบัตรประชาชน 13 หลัก คุณสามารถใช้เลขบัตรประชาชนนี้ในกระบวนการรับเงินได้
ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเพิ่มเติมหรือดำเนินการใดๆ เพื่อรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท นอกจากนี้ ระบบการรับเงินดิจิทัลนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้รับเงินสะดวกและง่ายต่อการใช้งานในช่วงเวลาที่เป็นภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ
สรุป เงินดิจิทัล 10,000 บาท จะถูกส่งตรงถึงกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ตของคุณ และคุณไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเพิ่มเติมหรือดำเนินการใดๆ เพื่อรับเงินดังกล่าว
เงินดิจิทัล 10,000 บาท: ได้เมื่อไร?
ในปัจจุบัน เงินดิจิทัล 10,000 บาท ยังคงเป็นนโยบายที่ถูกวางไว้เท่านั้น ยังไม่มีการบังคับใช้จริงในการจ่ายเงิน อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลที่ทางพรรคเพื่อไทยระบุไว้ เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว คาดว่านโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะเริ่มใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อนโยบายเงินดิจิทัลเพื่อไทย 10,000 บาท เริ่มถูกใช้งาน การรับเงินจะสามารถทำได้ตามแนวทางที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำหนด โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และส่งเสริมการใช้จ่ายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและคืนความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในช่วงเวลาที่ท้ายลำพังในเชิงเศรษฐกิจ
ดังนั้น หากท่านกำลังรอคอยใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาท ควรติดตามข้อมูลและแนวทางที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะประกาศในอนาคต ซึ่งเป็นเวลาที่น่าติดตามและคาดหวังในการเพิ่มโอกาสในการใช้จ่ายและการลงทุนในกิจกรรมต่างๆในระบบเศรษฐกิจของประเทศ
คุณสมบัติผู้มีสิทธิรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท: ใครได้บ้าง?
นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิรับเงินดิจิทัลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่เป็นภาวะฉุกเฉิน เพื่อสนับสนุนประชาชนที่มีความต้องการในการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน
คนไทยที่มีสิทธิรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท คือผู้ที่เข้าเข้าข่ายตามเงื่อนไขดังนี้:
คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
ผู้มีบัตรประชาชน เลข 13 หลัก เป็นเอกสารแสดงตัวตนและสิทธิประโยชน์ของบุคคล
นอกจากนี้ นโยบายนี้ยังเน้นให้ความสำคัญกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงและความต้องการสูง เช่น ผู้พิการ คนชรา ที่จะได้รับเงินดิจิทัลเต็มจำนวนโดยไม่มีการหักลด
โดยคาดการณ์ของนโยบายเงินดิจิทัลเพื่อไทย 10,000 บาท คือจำนวนผู้ได้รับสิทธิจะอยู่ในระดับประมาณ 50 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนไทยทั่วประเทศได้รับสวัสดิการในการเข้าถึงเงินดิจิทัลเพื่อสนับสนุนในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก
ช่องทางการลงทะเบียนเพื่อรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท
พรรคเพื่อไทยได้กำหนดนโยบายที่ให้โอนเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยตรงให้แก่ประชาชนผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่เป็นภาวะฉุกเฉิน โดยที่ไม่ต้องการให้ประชาชนลงทะเบียนเพื่อรับเงิน
กระบวนการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากระบบเงินดิจิทัลใหม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับระบบบัตรประชาชน ซึ่งทำให้ประชาชนไม่ว่าจะมีสมาร์ทโฟนหรือไม่ก็สามารถใช้งานเงินดิจิทัลได้ โดยใช้เลขบัตรประชาชน 13 หลัก
นั่นหมายความว่า คนไทยทุกคนที่มีบัตรประชาชนเลข 13 หลัก ไม่ว่าจะมีสมาร์ทโฟนหรือไม่ก็สามารถใช้งานเงินดิจิทัลได้ทันทีเมื่อนโยบายเริ่มมีผลใช้งาน ทำให้กระบวนการรับเงินเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย
เงินดิจิทัล 10,000 บาท: ซื้อสินค้าอะไรได้บ้าง?
นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ได้กำหนดความสามารถในการใช้งานเงินดิจิทัลให้กับประชาชนในบางรายละเอียด เพื่อให้เป็นประโยชน์สูงสุดแก่คนทุกคนในชุมชน
รัศมีในการใช้งาน: เงินดิจิทัล 10,000 บาท สามารถใช้จ่ายได้ภายในรัศมี 4 กิโลเมตร จากที่อยู่ตามทะเบียนบ้านของผู้รับสิทธิ์ เพื่อให้ครอบคลุมบริเวณใกล้เคียงที่สามารถนำไปใช้ในการช่วยเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ท้องถิ่นได้อย่างเหมาะสม
การซื้อสินค้าออนไลน์: เงินดิจิทัล 10,000 บาท ไม่สามารถใช้ซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ แน่นอนว่านี้เป็นการส่งเสริมให้การซื้อขายในชุมชนและการค้าแบบพื้นที่มีส่วนร่วมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น
ระยะเวลาในการใช้งาน: เงินดิจิทัล 10,000 บาท สามารถใช้ในการชำระสินค้าและบริการต่างๆ ภายในระยะเวลา 6 เดือนนับจากวันที่ได้รับ เพื่อให้ส่งผลให้เป็นการใช้จ่ายที่เหมาะสมและทันสมัย
การถอนเป็นเงินสด: ความสามารถในการถอนเงินดิจิทัลเพื่อแลกเป็นเงินสดไม่ได้ เนื่องจากระบบมุ่งหวังให้เงินดิจิทัลนี้มีความเป็นเครื่องเสริมในการใช้ในรูปแบบอื่นๆ เพื่อส่งเสริมการค้าและธุรกิจในชุมชน
ระบบป้องกันการหักหัวคิว: เพื่อให้กระบวนการใช้งานเงินดิจิทัลเป็นไปอย่างเป็นระเบียบและไม่มีการขัดแย้ง ระบบจะมีการป้องกันการหักหัวคิวหรือการนำเงินออกไปใช้กับกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้อง
ช่องทางการใช้งาน: เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว คนที่มีสิทธิ์รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท สามารถใช้บัตรประชาชนผ่านแอปพลิเคชันหรือใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมโค้ดส่วนตัวเพื่อทำการชำระเงิน
นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ได้ถูกกำหนดให้เป็นทางเลือกที่ให้ประโยชน์แก่ประชาชนในการซื้อสินค้าและบริการที่จำเป็นตามความต้องการและลักษณะภูมิประเทศเพื่อส่งผลให้เป็นการเพิ่มสร้างรายได้และเสริมความสัมพันธ์ภาคส่วนต่างๆ ในชุมชน
ระยะเวลาการใช้จ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท
ต้องใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน โดยสามารถใช้จ่ายรวดเดียว 10,000 บาท หรือทยอยใช้ก็ได้
เงินดิจิทัล 10,000 บาท ได้วันไหน?
คาดว่าโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะเริ่มต้นในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป นี่เป็นเพราะพรรคเพื่อไทยได้กำหนดเป้าหมายในการเริ่มโครงการนี้ให้เกิดขึ้นในวันเริ่มต้นของปีใหม่ ทำให้ประชาชนสามารถเริ่มใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อการใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังได้กล่าวหาว่านโยบายเงินดิจิทัลนี้เป็นนโยบายที่ปลอดภัยและไม่มีความเสี่ยงสูง โดยเงินดิจิทัลที่ได้รับนั้นสามารถใช้จ่ายได้อย่างง่ายดาย และสามารถแลกเป็นเงินสดได้ในกรณีของพ่อค้าแม่ค้าที่มีการจดทะเบียนการค้า
อย่างไรก็ตาม นโยบายเรื่องกระเป๋าเงินดิจิทัลนี้ได้ถูกตีพิมพ์ด้วยคำติชมและคำวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนอย่างหนัก สำหรับค่าใช้จ่ายที่ถูกกำหนดไว้สูงถึง 5 แสนล้านบาทสำหรับประชาชน 50 ล้านคนที่คาดว่าจะได้รับสิทธิ์ นี่อาจก่อให้เกิดข้อสงสัยและความกังวลในเรื่องของความเป็นไปได้ในการบังคับใช้และผลกระทบทางเศรษฐกิจ
เพื่อนำเสนอแนวคิดของการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท พรรคเพื่อไทยยังต้องรอเวลาเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการ และประชาชนสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการใช้งานและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องได้ในระหว่างนี้
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
Q: คนต่างชาติสามารถสมัครเงินดิจิทัล 10,000 บาทได้หรือไม่?
A: ไม่ได้ เพียงผู้ที่เป็นพลเมืองไทยและผู้ถือสิทธิถาวรเท่านั้นที่สามารถสมัครได้
Q: เงินดิจิทัล 10,000 บาท ลงทะเบียนหรือไม่?
Q: เงินดิจิทัล 10,000 บาท วิธีรับเงินอย่างไร?
Q: เงินดิจิทัล 10,000 บาทได้เมื่อไร?
Q: เงินดิจิทัล 10,000 บาท ซื้ออะไรได้บ้าง?
Q: เงินดิจิทัล 10,000 บาท ห้ามใช้อะไรบ้าง
สรุป
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยยังได้ระบุไว้เสมอว่านโยบายเกี่ยวกับกระเป๋าเงินดิจิทัลนี้มีความปลอดภัยสูงและไม่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากไม่เกี่ยวกับการสร้างเงินสกุลใหม่ ทำให้ง่ายต่อการใช้ในการชำระเงินและซื้อของ นอกจากนี้ยังสามารถแลกเป็นเงินสดได้สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่มีการจดทะเบียนการค้า
อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงสุดถึง 5 แสนล้านบาทสำหรับประชาชน 50 ล้านคนที่คาดว่าจะได้รับสิทธิ์ นั่นอาจเป็นปัญหาที่อาจมีผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท จากพรรคเพื่อไทยยังคงเป็นนโยบายที่รอเวลาเพื่อเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการ ประชาชนสามารถศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับวิธีการใช้งานและเงื่อนไขได้
อย่างสุดท้าย ณ ขณะนี้ยังไม่มีแอปดิจิทัลวอลเล็ตที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนี้ เมื่อมีแอปพลิเคชันทางการเปิดให้บริการ ควรระมัดระวังและตรวจสอบให้ดี เนื่องจากอาจมีแอปเทียบเลียนแบบจากมิจฉาชีพ
ขอขอบคุณที่มา:
Comments